วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เราเกิดมาทำไม ?


คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง ถ้ารู้จักแต่การทำมาหากินเลี้ยงร่างกายกัน อย่างเดียว ไม่รู้จักแสวงหาธรรมะมาเลี้ยงจิตใจให้สะอาด สว่าง สงบ กันบ้างแล้ว, การเกิดก็จะเป็น การเกิดเพื่อมาทนทรมาน ติดคุกคะรางในทางวิญญาณชนิดหนึ่ง ไปจนตาย.

วัยเด็ก ก็มีความสนุกไปอย่างหนึ่ง, วัยหนุ่มสาว ก็มีความเพลิดเพลินไปอย่างหนึ่ง, วัยกลางคน ก็มีความพอใจไปอย่างหนึ่ง. วัยแก่เฒ่าชรา ก็ต้องมีความสงบเย็นไปอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีทางจะสับเปลี่ยนหรือเหมือนกันไค้ เพราะธรรมชาติบังคับไว้อย่างตายตัว. ทำอย่างไรคนเราจึงจะได้ความสุขไปทุกวัย หรืออย่างน้อยให้เอาตัวรอดให้ไค้ในวันสุดท้าย นี้เป็นสิ่งที่ต้องคิดดูให้ดีที่สุด มิฉะนั้นแล้ว จะไม่ได้รับ สิ่งที่ควรจะได้รับ และเสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา.

การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น เราเกิดมาเพื่อดับไฟกิเลส. มิใช่เกิดมาเพื่อให้กิเลสเผา. ถ้าเราเป็นฝ่ายเผากิเลส เราก็จะมีความสุขเย็น. แต่ถ้ากิเลสเป็นฝ่ายเผาเรา เราก็สุกไหม้ หรือถึงกับเกรียมไปในที่สุด.

ชีวิตของเรานี้เป็นยักษ์ที่โิหดร้ายอยู่ในตัวชีวิตนั้นเอง. มันจะถามเราว่าเกิดมาทำไม ? ถ้าเราตอบไม่ได้ มันจะกินเราจนตายจากความเป็นมนุษย์. ถ้าเราตอบผิด ๆ ถูก ๆ มันจะตบหน้าเรา และขี่คอเราไปจนไม่มีที่สิ้นสุด. แค่ถ้าเราตอบไค้เพราะรู้ว่าเกิดมาทำไมจริง ๆ แล้ว ยักษ์นั้นจะปักคอตัวเองตายต่อหน้าเรา ไม่มีอะไรมารบกวนเราให้มีความทุกข์ทรมานอีกต่อไป.

พระธรรมเท่านั้น ที่จะช่วยให้เราตอบปัญหาของยักษ์ได้, พระธรรมเท่านั้นที่จะหล่อเลี้ยงจิตใจของเราให้สดชื่น ชนิดที่เงินก็ช่วยทำให้ไม่ได้ ชื่อเสียงก็ช่วยทำให้ไม่ได้, มิตรสหายพวกพ้องบริวารก็ช่วยทำให้ไม่ได้. พระธรรมเท่านั้น จะช่วยให้คนทุกวัยทั้งวัยเด็ก วัยหนุ่มสาว วัยกลางคน และวัยแก่เฒ่า มีความสุขสงบเย็น ตามวัยของตนๆ. พระธรรมจะช่วยดับไฟให้ทุกคราวที่เกิดขึ้นในการประกอบการงานทุกชนิด ในโลกนี้.

พระพุทธเจ้าเอง ก็ได้พึ่งพาอาศัยพระธรรม จึงสามารถคับไฟกิเลสและไฟทุกข์ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไค้. แม้ตรัสรู้แล้ว ไม่ทรงเคารพใครหรืออะไรทั้งสิ้น แค่ยังทรงเคารพพระธรรมอย่างเคร่งครัด ฉะนั้น จะนับประสาอะไรกับพวกเราทั้งหลาย บรรดาที่กำลังทูนกงจักรไว้บนศีรษะเพราะสำคัญเห็นเป็นดอกบัว.

ที่มา.. http://www.dhammajak.net/suadmon-thai/index.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น